
สำหรับคืนนี้ 0 2.15 น. ก็มีการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เป็นศึกแดงเดือดที่เลื่อนการแข่งขันมาจากครั้งก่อนที่เกิดการประท้วงขึ้นที่สนาม โอแทรฟฟอร์ดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดยนัดนี้ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้ลงเล่นกับหงส์แดงลิเวอร์พูล ในรังโอลแทรฟฟอร์ด เรียกได้ว่าเป็นศึกแดงเดือดที่ทุกคนรอคอย และปัจจุบันอันดับตารางคะแนนของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 2 แข่งไปแล้ว 35 นัดมี 70 คะแนน ส่วนหงส์แดง ลิเวอร์พูล อยู่อันดับที่ 6 แข่งไปแล้ว 34 นัดมี 57 คะแนน แม้ว่าตอนนี้แชมป์จะเป็นของทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว แต่นี่ก็เรียได้ว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการที่จะเก็บชัยชนะให้ไ ด้เหนือทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งตอนนี้พวกเขาตกที่นั่งลำบากอยู่ในอันดับ 6 ที่ไม่อยู่ในโซนลุ้นไปเล่นในถ้วยฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกถ้วยใหญ่ในฤดูกาลหน้า หากพวกเขาพ่ายแพ้ในนัดนี้โอกาสที่ลุ้นจะไปเล่นด้วยอยู่ก็จะน้อยลงนัดนี้จึงจำเป็นจะต้องคว้าชัยให้ได้สถานเดียว สำหรับความพร้อมของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรนั้นมาติดตามกันเลยครับ
ความพร้อมของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล
มากันที่ทางฝั่งของเจ้าบ้านปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กันก่อนเลยครับ สถิติ 5 นัดหลังสุดของพวกเขาชนะ3 เสมอ1 แพ้ 1 โดยนัดล่าสุดพ่ายให้กับทีม เลสเตอร์ ซิตี ไปคาบ้าน1-2 เรียกได้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาต้องเจอศึกหนักแต่หลายนัดติดต่อกันในหนึ่งสัปดาห์ ทำให้นัดล่าสุดพวกเขาต้องส่งตัวสำรองลงเป็นส่วนใหญ่ และทำให้ผลออกมาไม่ค่อยดีนักแต่สำหรับนัดนี้ โอเล่กุ นนาร์ โซชา กุนซือของทีม มีความพร้อมในเรื่องนักเตะที่เก็บไว้เพื่อจะลงในนัดนี้อย่างเต็มที่ นำโดย บรูโน เฟอร์นานเดส, พอล ป๊อกบาร์, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าตัวเก่งของทีมที่กำลังร้อนแรง
มาดูกันที่ทีมเยือนหงส์แดง ลิเวอร์พูล กันบ้างครับ 5 นัดหลังสุด พวกเขา ทำผลงานได้ดีคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง โดย ชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัด และในนัดล่าสุด พวกเขาเล่นในบ้านเอาชนะ เซาแธมป์ตัน มาได้ 2-0 สำหรับความพร้อมของนักเตะนัดนี้ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือของทีมลิเวอร์พูล พร้อมส่งกองหน้า3ประสานตัวหลักอย่าง ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ลงไปสร้างความปั่นป่วน
ความน่าจะเป็นของเกม คู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1

#วิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #ลิเวอร์พูล