ศึก ยูโร 2020 ได้ทำการฟาดแข้งกันมาถึงนักชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยที่จะลงสนามฟาดแข้งนักชิงชนะเลิศกันที่ สนาม เวมบลีย์ ในคืนวันอาทิตย์ ที่ 11 นี้ และถือได้ว่าเกมนัดชิงคู่นี้เป็นนัดชิงชนะเลิศที่อยู่ในฝันของเหล่าแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะแฟนบอลไทยที่เป็นแฟนบอลของทั้ง อิตาลี และ อังกฤษ อยู่มากมาย โดยเกมก่อนที่ทีมชาติอังกฤษจะทะลุเข้าสู่นัดชิงได้นั้นก็เรียกได้ว่า หืดจับพอสมควร ด้วยการเอาชนะ ทีมชาตเดนมาร์ก มาได้แบบต้องลุ้นเหนื่อยจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษกันเลย ส่วนทีมชาติอิตาลีก็ผ่านทีมชาติสเปนมาแบบหืดจับถึงขั้นต้องดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งเส้นทางของทั้งคู่ก็หนักหนาสาหัสมาพอ ๆ กัน และวันนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้พวกเขาผ่านอะไรกันมาบ้าง
เส้นทางของ อังกฤษ อิตาลี คู่ชิง ยูโร 2020
สำหรับฟุตบอลนคู่ชิงชนะเลิศศึก ยูโร 2020 ก็ต้องบอกว่าทีมชาติอิตาลี พวกเขาไม่ได้แชมป์ยุโรป มายาวนานถึง 53 ปี และ 3 ปีก่อนพวกเขาก็ยังไม่ผ่านรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียอีกด้วย ทำให้ทัวร์นาเม็นต์นี้พวกเขาไม่ติดอันดับการเป็นตัวเต็งแชมป์เลย และเปลี่ยนมากลายเป้นม้ามืดแทนและ ณ เวลานี้ก็ต้องบอกว่าทีมชาติอิตาลีคือ ทีมที่สร้างผลงานได้ดีที่สุดของยูโรหนนี้ และทวีปยุโรปเลย ด้วยการไม่แพ้ใครมานานถึง 33 นัด ติดต่อกันเข้าไปแล้ว ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ สำหรับเส้นทางที่ผ่านของทีมชาติอิตาลี พวกเขาเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการชนะรวด 3 นัด โดยที่ไม่เสียสักประตู รอบ 16 ทีมเจอออสเตรีย แม้จะมีเสียวแต่ก็ผ่านมาได้ ก่อนเอาชนะทีมเต็ง เบลเยียม มาได้ และ เกมล่าสุด เอาชนะ สเปน มาได้จนได้เข้าชิง
และสำหรับทีมชาติอังกฤษ พวกเขาอาจจะมีเส้นทางที่ไม่ค่อยยากเย็นเท่าไหน่ หนักสุดคือการเจอคู่ปรับตลอดการทีมชาติเยอรมนีเท่านั้น แต่ก็ผ่านได้แบบดีเหลือเชื่อ อีกทั้งเกมต่างๆยังได้เล่นในบ้านของตัวเองที่สนาม เวมบลีย์ แต่ก็ถือได้ว่าสมกับการเป็นอีกหนึ่งทีมเต็งยูโรหนนี้ ด้วยขุมกำลังที่เรียกได้ว่านักเตะดังๆล้นทีม และยอมรับว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือของทีมทำทีมได้ดีด้วย
และสำหรับนัดชิง ยูโร 2020 นี้ จะเป็นทีมชาติอิตาลี ที่จะได้เป็นแชมป์สมัย ที่ 2 หรือ ทีมชาติอังกฤษ จะได้แชมป์เป็นครั้งแรกก็ต้องมาติดตามกันครับ กับนัดชิงชนะเลิศยูโร 2020
