สำหรับการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2021/ 2022 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2022 ที่ผ่านมา ก็มีคู่ที่น่าสนใจโดยเป็นการพบกันของทีมจากท้ายตารางอย่าง เบิ ร์นลี่ย์ ที่เปิดสนาม เทิร์ฟมัว รับการมาเยือนของทีมอันดับ 3 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกคือ เชลซี และผลปรากฎว่า เบิร์ลี่ย์ พ่ายยับคาบ้านไปด้วยสกอร์ 0 – 4 ทำให้อันดับในตารางคะแนนของพวกเขาในเวลานี้ อยู่ที่ 18 แข่ง 26 เกม มี 21 คะแนน ส่วนทางฝั่ง เชลซี อยู่ในอันดับที่ 3 แข่ง 26 เกม มี 53 คะแนน สำหรับรายละเอียดของเกมคู่นี้จะเป็นอย่างไรนั้นก็มาติดตามกันได้เลยครับ
รายละเอียดของเกม คู่ระหว่าง เบิ ร์นลี่ย์ พบ เชลซี

ก่อนเริ่มเกมมันก็ต้องบอกว่า เบิร์นลี่ย์ พวกเขามีลุ้นที่จะขยับอันดับจากโซนตกชั้นโดยมีแต้มตามหลังเอฟเวอร์ตันอันดับที่ 17 อยู่เพียง 1 คะแนนเท่านั้น ซึ่งถ้าหากพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้ในเกมนี้ก็จะทำอันดับเลื่อนขึ้นไปเหนือโซนตกชั้น โดยจะขยับไปถึงอันดับที่ 16 เลยทีเดียว แต่ก็ด้วยการที่เชลซีนั้นต้องการ 3 คะแนน สำคัญเช่นเดียวกันพวกเขาก็มาพร้อมกับทัพชุดใหญ่ลงสนามซึ่งทำได้เหนือกว่าเบิร์นลี่ย์อยู่พอสมควร
โดยรูปเกมในครึ่งแรกทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างสูสี แม้ว่าทางฝั่งทีมเยือนอย่างเชลซีจะเหนือกว่า แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำประตูเจ้าบ้านได้ ส่วนเบิร์นลี่ย์นั้นก็มีโอกาสหลายจังหวะเลยทีเดียว ที่จะทำประตูขึ้นนำ เชลซี ได้แต่ก็มาผิดพลาดในจังหวะสุดท้ายทำให้เกมในครึ่งแรกทั้งคู่ยังเสมอกัน 0-0
เกมในครึ่งหลัง เริ่มมาทางฝั่ง เชลซี ที่แก้เกมมาได้ดีกว่าพวกเขาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 47 จากความสามารถเฉพาะตัวของ ริส เจมส์ ที่พาบอลเลี้ยงขึ้นไปทางฝั่งขวา ก่อนจะล็อคหลบกองหลังของ เจ้าบ้านและยิงด้วยขวาบอลเสียบมุมเข้าไปที่ออกนำไปก่อน 1 – 0
และหลังจากนั้นประตูก็เกิดขึ้นรัวๆเชลซีมาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 53 จากจังหวะที่ คริสเตียน พูลิซิช โยนบอลไปหน้าประตูให้กับ ไค ฮาแวร์ต ได้ขึ้นโหม่งโล่งๆเข้าไป
และประตูที่ 3 ก็เกิดขึ้นในอีก 2 นาที ถัดมาจากจังหวะที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ พาบอลขึ้นไปหน้าเขตโทษและไหลออกทางฝั่งขวาให้กับ รีส เจมส์ เปิดเข้ากลางและเป็น ไค ฮาแวร์ต ที่วิ่งเข้าชาร์จบอลเข้าไป เชลซี ออกนำเป็น 3-0
และปิดท้ายประตูที่ 4 ในนาทีที่ 69 จากจังหวะผิดพลาดของกองหลังเบิร์นลี่ย์ที่สกัดบอลไปเข้าทางของ คริสเตียน พูลิซิชที่ ยืนโล่งๆ ยิงเข้าไปแบบสบายๆทำให้จบ 90 นาที เชลซี บุกมาเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ ได้ 4-0

ติดตามข่าวสารฟุตบอลกันต่อที่ Sport2KicK