เมื่อคืนที่ผ่านมาวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2022 ก็มีการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษประจำฤดูกาล 2021/ 22 โดยคู่ที่น่าสนใจนั้นก็ยกให้กับการพบกันของทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ที่เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของทีมสาลิกาดง นิ ว คาสเซิล และผลปรากฏว่าเจ้าบ้าน เชลซี เฉือนเอาชนะ นิวคาสเซิล ไปได้ด้วยสกอร์ 1- 0 สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของ เชลซี พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางคะแนน แข่งไปแล้ว 28 นัดมี 59 คะแนน ทำผลงานเก็บชัยชนะ 5 นัดรวดในศึกพรีเมียร์ลีก เป็นที่เรียบร้อย ส่วนทางฝั่งของ นิวคาสเซิล อยู่ในอันดับที่ 14 ของตารางคะแนนแข่ง 28 นัดมี 31 คะแนน 5 นัดหลังสุดของพวกเขานั้นก็เก็บชัยชนะได้ 3 เสมอ 1 และแพ้ 1 ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว สำหรับรายละเอียดของเกมคู่นี้จะเป็นอย่างไรนั้นก็มาติดตามกันได้เลยครับ
รายละเอียดขอเกมคู่ระหว่าง เชลซี พบ นิ ว คาสเซิล

สำหรับเกมนี้ก่อนเริ่มเกมนั้นก็ต้องบอกว่า เชลซี มีปัญหาอย่างหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ของทีมเมื่อรัฐบาลอังกฤษ สั่งแบนส่งผลทำให้เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆในปัจจุบันของ เชลซี นั้นดูจะมีปัญหาทั้งเรื่องของค่าจ้างนักเตะ โค้ช รวมไปถึงพนักงานของสโมสร ซึ่งส่งผลทำให้พวกเขานั้นดูจากมีความเครียดกันอยู่พอสมควร
ส่วนทางฝั่ง นิวคาสเซิล นั้นผลงานในช่วงนี้พวกเขาก็ดีวันดีคืน จากทีมท้ายตารางอันดับขึ้นมาอยู่เกือบการตารางได้สำเร็จ จากการที่ได้เจ้าของทีมกลุ่มใหม่เป็นกลุ่มทุนมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากตะวันออกกลาง ซึ่งเกมนี้พวกเขาก็มาพร้อมกับความมั่นใจและเล่นกันได้อย่างดีเลยทีเดียว
รูปเกมครึ่งแรกส่วนใหญ่นั้นก็ต้องบอกว่าทั้งคู่เล่นกันได้อย่างสูสี แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย แม้ทางด้านของเจ้าบ้าน เชลซี จะมีความได้เปรียบในเรื่องของเสียงเชียร์ในสนาม แต่ก็ต้องบอกว่า นิวคาสเซิล มาพร้อมกับรูปแบบเกมที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเขาเล่นเกมตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น และแทบจะปิดโอกาสในการทำสกอร์ของทีม เชลซี ทำให้เกมครึ่งแรกนั้นทั้งคู่เสมอกัน 0-0
สำหรับเกมในครึ่งหลังนั้นทั้งคู่ก็ยังเล่นกันได้อย่างสูสี แต่ทางฝั่งของ เชลซี ใช้ความเฉียบคมที่มากกว่าสามารถทำประตูขึ้นนำได้ 1-0 ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 89 จากจังหวะที่ จอร์จินโญ่ โยนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษและ ไค ฮาแวร์ต ใช้ทักษะความสามารถใช้เท้าซ้ายเกี่ยวบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนจะตวัดยิงบอลเสียบตาข่ายเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น ทำให้เมื่อจบ 90 นาที เชลซี สามารถเอาชนะ นิวคาสเซิล ได้ 1-0

ติดตามข่าวสารฟุตบอลกันต่อที่ Sport2KicK