ค่ำคืนวันอังคารที่ 19 เมษายน 2022 เวลา 02.00 น. ก็มีการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2021 / 22 เป็นเกมแดงเดือดที่ทุกคนรอคอยกับการพบกันระหว่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่จะเปิดรังแอนฟิลด์รับการมาเยือนของทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยปัจจุบันนั้น หงส์แดง ลิเวอร์พูล ก็อยู่ในช่วงเวลาแห่งการลุ้นแชมป์ โดย ทีมลิเวอร์พูล เขาอยู่อันดับที่ 2 ของตารางคะแนน แข่ง 31 นัดมี 73 คะแนน ตามหลังจ่าฝูง แมนซิตี้ เพียงแค่ 1 คะแนน ส่วนทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขานั้นก็อยู่อันดับที่ 5 แข่งไปแล้ว 32 นัด มี 54 คะแนน ต้องการ 3 แต้มสำคัญเพื่อการลุ้นอันดับที่ 4 ซึ่งมันจำเป็นมากที่ทั้ง 2 ทีมนั้นต้องการ 3 แต้ม ซึ่งเกมนี้มันส์ แน่นอนสำหรับรายละเอียดความพร้อมของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรนั้นก็มาดูกันเลยครับ
รายละเอียดความพร้อมของ ทีมลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มากันที่ความพร้อมของทางฝั่งเจ้าบ้าน หงส์แดง ลิเวอร์พูล กันก่อนเลยครับ สำหรับผลงาน 5 นัดหลังสุดจากทุกรายการ พวกเขาก็เก็บชัยชนะได้ 2 นัด และเสมอ 2 ยังไม่แพ้ใคร โดยเกมนัดล่าสุดใน ศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ พวกเขาก็เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ในเวลาด้วยสกอร์ 3 – 2 และผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนใน ศึก พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดพวกเขานั้นก็บุกไปเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 สำหรับผู้เล่นกำลังหลักที่จะลงสนามในเกมนี้ก็นำโดย ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลคานทาร่า, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ ดิอาซ และคนอื่นๆ
สำหรับความพร้อมของทางฝั่งทีมเยือน ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลงาน 5 เกมหลังสุดของพวกเขาไม่สู้ดีนัก โดยที่เก็บชัยชนะได้ 2 นัดเสมอ 1 และแพ้ 2 นัด สำหรับเกมนัดล่าสุดใน ศึก พรีเมียร์ลีก พวกเขานั้นก็เปิดบ้านเอาชนะ นอริช ซิตี้ ได้ 3-2 ถือได้ว่าเป็นการชนะได้แบบหืดจับเลยทีเดียว กับการที่กว่าจะเอาชนะทีมบ๊วยของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ได้ สำหรับตัวผู้เล่นกำลังหลักในเกมนี้ก็จะนำโดย แฮร์รี่ แม็กไกวร์, อเล็กซ์ เตลเลส, ปอล ป็อกบา, เนมานย่า มาติช, แอนโธนี่ อีแลงก้า, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คนอื่นๆ
ในส่วนความน่าจะเป็นของเกมนัดนี้ก็ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล นั้นมีผลงานที่ดีกว่า รวมไปถึงการได้เป็นเจ้าบ้านและความต้องการ 3 แต้มสำคัญในการลุ้นแชมป์ สกอร์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ 2-0

ติดตามข่าวสารฟุตบอลกันต่อที่ Sport2KicK