สำหรับวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2022 ก็มีการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2021/22 ในเวลา 18.30 น. โดยเป็นเกมคู่ระหว่างสาลิกาดง ทีม นิวคาส เซิล ที่จะเปิดสนาม เซนต์เจมส์พาร์ก รับการมาเยือนของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล โดยสถานการณ์ปัจจุบัน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พวกเขาก็อยู่ในอันดับที่ 9 ของตารางคะแนน โดยแข่งไปแล้ว 34 นัดมี 43 คะแนนส่วน ลิเวอร์พูล อยู่อันดับที่ 2 แข่ง 33 นัดมี 79 คะแนน เกมนัดนี้ถือได้ว่าเป็นเกมที่น่าสนใจมากของ ลิเวอร์พูล เพราะว่าจะต้องเจอกับ นิวคาสเซิล ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง และ ถ้าหากพวกเขานั้นไม่สามารถเก็บ 3 แต้มได้ ก็จะมีผลต่อการลุ้นแชมป์ ซึ่งทำให้เกมนัดนี้ มีความน่าสนใจแบบสุดๆ สำหรับรายละเอียดความพร้อมของทั้ง 2 ทีมจะเป็นอย่างไรนั้นก็มาติดตามกันได้เลยครับ
รายละเอียดความพร้อมของ ทีม นิวคาส เซิล กับ ลิเวอร์พูล

มากันที่ความพร้อมของเจ้าบ้าน นิวคาสเซิล กันก่อนเลยครับ ผลงาน 5 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขานั้นทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยแพ้ไปเพียง 1 นัด และชนะรวด 4 นัด โดยเกมนัดล่าสุดนั้นก็บุกไปเอาชนะ นอริช ซิตี้ ได้ถึงถิ่นด้วยสกอร์ขาดลอย 3 – 0 ในส่วนของความพร้อมตัวผู้เล่นในเกมนัดนี้ พวกเขาก็จะมีผู้เล่นที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่หลายคนไม่ว่าจะเป็น คีแรน ทริปเปียร์,ไรอัน เฟรเซอร์,คัลลั่ม วิลสัน,ไอแซค เฮเดน, จามาล เลวิส ส่วนกำลังหลักที่จะได้ลงสนามในเกมนัดนี้ก็จะนำโดย โจ วิลล็อค, บรูโน่ กิมาไรส์, ฌอห์น ลองสตาฟฟ์, มิกูเอล อัลมิรอน, โจลินตัน, อัลเล็ก แซง-แม็กซิแมง และคนอื่นๆ
ส่วนทางด้านความพร้อมของทางฝั่งทีมเยือน หงส์แดง ลิเวอร์พูล ผลงาน 5 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของพวกเขานั้นก็ยอดเยี่ยมสุดๆ โดยการเก็บชัยชนะได้ 4 นัดและเสมอ 1 เกม นัดล่าสุดของพวกเขานั้นก็สามารถเปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน ไปได้ด้วยสกอร์ 2 – 0 ในส่วนของความพร้อมของตัวผู้เล่นในเกมนัดนี้ จะยังต้องรอเช็คความฟิตของ เคอร์ติส โจนส์ และ โรเบโต้ ฟิมิโน่ ส่วนกำลังหลักคนอื่นๆนั้นก็จะนำโดย เวอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ ดิอาซ และ คนอื่นๆ
สำหรับความน่าจะเป็นของเกมนัดนี้ก็ต้องบอกว่า นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พวกเขานั้นผลงานดีมากๆในช่วงหลังมานี้ส่วน หงส์แดง ลิเวอร์พูล นั้นก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งสุดๆ สกอร์ที่คาดคือ นิวคาสเซิ่ล แพ้ ลิเวอร์พูล 1 – 2

ติดตามข่าวสารฟุตบอลกันต่อที่ Sport2KicK