สำหรับค่ำคืนวัน เสาร์ ที่ 30 เมษายน 2022 ที่ผ่านมานั้นก็มีการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2021/22 โดยเป็นเกมคู่ระหว่างสาลิกาดง ทีม นิ วคาสเซิล ที่เปิดสนามเซนต์เจมส์ปาร์ค รับการมาเยือนของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล และผลปรากฏว่า นิวคาสเซิล แพ้คาบ้านให้กับ ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ฉิวเฉียด 0-1 ส่งผลทำให้อันดับในตารางคะแนนเวลานี้ของ นิวคาสเซิล พวกเขาหล่นมาอยู่ในอันดับที่ 10 ของตารางคะแนนจากที่ 9 แข่งไป 35 นัดมี 43 คะแนนส่วนทางฝั่ง หงส์แดง ลิเวอร์พูล พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 2 แข่ง 34 นัดมี 82 คะแนน ยังคงตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 1 คะแนนเช่นเดิม สำหรับรายละเอียดของเกมในคู่นี้จะเป็นอย่างไรนั้นก็มาติดตามกันได้เลยครับ
รายละเอียดของเกมคู่ระหว่าง ทีม นิ วคาสเซิล พบ ลิเวอร์พูล

ก่อนเริ่มเกมนั้นก็ต้องบอกว่า นิวคาสเซิล มาพร้อมกับความมั่นใจและความได้เปรียบในการเล่นเป็นเจ้าถิ่น ด้วยผลงานในช่วงหลายเกมที่ผ่านมาโดยเฉพาะกับการเก็บชัยชนะได้ 4 นัดติดต่อกันของพวกเขา ส่งผลทำให้มีความมั่นใจเป็นอย่างมากกับเกมนัดนี้ ส่วนทางฝั่ง หงส์แดง ลิเวอร์พูล เกมนี้พวกเขาก็มาพร้อมตัวผู้เล่นที่เน้นไปที่การ rotation ผู้เล่นตัวหลักส่วนใหญ่จะได้นั่งเป็นตัวสำรอง แต่ก็ถือได้ว่าก็ยังคงดูดีอยู่เช่นเดิมกับผู้เล่นตัวสำรองของ ลิเวอร์พูล
โดยรูปเกมนั้นก็ต้องบอกว่า นิวคาสเซิล แม้พวกเขาจะเป็นเจ้าบ้านแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะครองเกมได้เท่าไหร่นัก แต่เป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล มากกว่าที่กลับเป็นฝ่ายที่ครองเกมได้ดี และทำเกมบุกได้หลายจังหวัด จนกระทั่งนาทีที่ 19 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ จ่ายบอลไปให้กับ ดิโอโก้ โชต้า ได้ไหลต่อไปให้กับ นาบี เกอิต้า ได้พาบอลเข้าไปในเขตโทษ ก่อนล็อกหลบผู้รักษาประตู และยิงผ่านกองหลังที่พยายามบล็อกเข้าไปบอลตุงตาข่ายอย่างสวยงามเหนือชั้น และทำให้ ลิเวอร์พูล ออกนำ นิวคาสเซิ่ล ไปก่อน 0 – 1
โดยเวลาที่เหลือในครึ่งแรก นิวคาสเซิล ก็พยายามที่จะทวงประตูคืนเพื่อตีเสมอแต่พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถทำเกมบุกได้แจ่มแจ้งเท่าไหร่ ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกนำไปก่อน 1- 0
ส่วนเกมในครึ่งหลังนั้นก็ยังเป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ยังคงครองเกมได้มากกว่าและมีโอกาสบุกได้หลายจังหวะ นิวคาสเซิล ที่พยายามจะทำประตูทวงคืนแต่ความคมในแดนหน้านั้นก็ยังไม่ดีพอส่งผลทำให้เมื่อจบ 90 นาที นิวคาสเซิล ก็แพ้ ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 0 – 1

ติดตามข่าวฟุตบอลที่ Sport2KicK